วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

Abidal นักกีฬาหัวใจไม่เคยยอมแพ้


มองอย่างตอร์ : เอริค อบิดัล นักกีฬาหัวใจไม่ยอมแพ้

….สวัสดีครับ โลกของกีฬามักมีเรื่องมหัศจรรย์และเหนือความคาดหมายเสมอ อย่างบอลถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ใครจะไปเชื่อ เต็ง 1 อย่าง บาร์เซโลน่า ยอดทีมแห่งยุคนี้ และ เรอัล มาดริด ไม่สามารถผ่านไปเล่นรอบชิงชนะเลิศที่ อัลลิอันซ์ สเตเดี้ยมได้ หลังจาก เรอัล มาดริด ไร้ดวงจุดโทษพ่าย บาเยิร์น มิวนิค ของ จุ๊ปป์ ไฮย์เกส ส่งผลให้เสือใต้แห่งบาวาเรีย บาเยิร์น มิวนิคทะลุเข้าชิงชนะเลิศ แถมยังได้ลงเล่นในรังเหย้าของตัวเองที่ใช้จัดแข่งนัดชิงชนะเลิศ ส่วนบาร์เซโลน่า น่าเสียดายกว่าใครเพื่อน ออกนำไปก่อน 2-0 แถมได้เล่นในคัมป์ นู และมีตัวผู้เล่นมากกว่าเซลซี ทีมเยือนที่ใช้โค้ชชั่วคราวอย่าง โรแบร์โต ดิ มัตเตโอขัดตาทัพคุมทีม จอห์น เทอร์รี่ กัปตันเซลซี ไปเล่นนอกเกมใส่ อเล็กซิส ซานเซซ ต้องทนเล่น 10 คนตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแรก แถมต้องเจอกับโคตรทีมที่มีเกมรุกดุดันสุดๆ แต่สุดท้ายเซลซีไล่มา 1-2 ในทดเจ็บครึ่งแรก และยิงประตูตีเสมอในช่วงทดเจ็บครึ่งหลังอีกหนึ่งลูก จบเกมเซลซี บุกไปเสมอ บาร์เซโลน่า 2-2 รวมผลสองนัดเซลซีเข้ารอบ จะบอกว่าเซลซีอุดแหลก เล่นไม่สวยงามก็ยังไงอยู่ จริงอยู่บาร์ซ่าบดขยี้เซลซีทั้งเกม ขึงเกมรุกฝั่งเดียว แต่บาร์ซ่าแพ้แท็คติคของเซลซี ที่ลงมาเล่นเกมรับอย่างมีวินัยและอดทน ทำเอาบาร์ซ่าเจาะไม่ได้ สุดท้ายแพ้ภัยตัวเองจากลูกสวนกลับ แม้จะไม่สวยงามแต่ก็สู้กันด้วยแท็คติก น่าเสียดายแทนแชมป์เก่า หลังจากปีก่อนแข้งอาซูลกราน่า คว้าแชมป์ที่สนามนิว เวมบลีย์ และคนที่ชูถ้วยแชมป์คนแรกคือ เอริค อบิดัล นั่นเอง ... 

....เรื่องราวของ เอริค อบิดัล เริ่มได้รับความสนใจมากขึ้น หลังจากที่เขาป่วยหนักก่อนจะหายกลับมาช่วยทีม ก่อนที่เขาจะมีส่วนช่วยให้ทีม น็อค แมนยูฯ ในรอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ และได้รับเกียรติจากเพื่อนร่วมทีมรวมถึงสโมสร ให้ชูถ้วยบิ๊กเอียร์เป็นคนแรก ท่ามกลางความยินดีของแฟนบอลและคนที่ติดตามข่าวของเขา
เอริค ซิลเวียน อบิดัลนี่คือชื่อเต็มของเด็กหนุ่มจากเมืองลียง ประเทศฝรั่งเศส เขาเริ่มต้นเล่นฟุตบอลกับสโมสร ลียง-ดัวร์เซอเร่ ทีมฟุตบอลท้องถิ่น เขาได้รับการเซ็นสัญญาอาชีพครั้งแรกกับสโมสร โมนาโก หลังจากเล่นที่โมนาโก สองปีก็ย้ายไปร่วมทีม ลีลล์  ภายใต้การทำทีมของ โคล้ด ปูแอล ปั้นเขาพอมีชื่อเสียงในระดับนึง จึงตัดสินใจย้ายไปเล่นให้ โอลิมปิก ลียง ในปี 2004 ทีมยักษ์ใหญ่และเป็นบ้านเกิดของเขา ซึ่งนั้นเป็นจุดเริ่มของอบิดัลอย่างแท้จริง เขางัดฟอร์มที่ยอดเยี่ยม แข็งแกร่งและสมบรูณ์แบบ ได้รับการยอมรับว่าเป็นฟูลแบ็กที่ดีสุดในลีกเอิง และโชว์ฟอร์มเก่งช่วยให้ลียงคว้าแชมป์ลีกเอิงได้ถึง 3 สมัยซ้อน ในช่วงเวลา 3 ปีที่เขาค้าแข้งให้ทีมโอลิมปิก ลียง ...

...ในนามทีมชาติเขาเป็นหนึ่งขุนพลหลัก ชุดคว้ารองแชมป์โลก ฟุตบอลโลก 2006 ประเทศเยอรมัน ฟอร์มอันยอดเยี่ยม บวกกับพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง ทำให้ บาร์เซโลน่า ยักษ์ใหญ่ในสเปน ยอมควัก 9 ล้านปอนด์ คว้าอบิดัลมาร่วมทัพ เขายึดตัวจริงได้ตั้งแต่ย้ายเข้ามาร่วมทีม เป็นแนวรับที่ไว้ใจได้ ดาวเตะชาวฝรั่งเศสกลายเป็นที่รู้จักทั้งโลก หลังบาร์ซ่าคว้าแชมป์ลาลีก้า 3 สมัย แชมป์โกปาเดอ เรย์ แชมป์บอลถ้วยอื่นๆอีกมากมาย รวมถึงยูฟ่าแชมเปี้ยนลีคส์ 2 สมัย จะเรียกได้ว่า เขากวาดมาหมดทุกแชมป์กับทีมฟุตบอลที่ดีที่สุดแห่งยุคอย่าง บาร์เซโลน่า.. ชื่อเสียง เงินตรา เข้ามาถาโถมใส่เขาแบบไม่ทันตั้งตัว เขาเป็นขวัญใจของแฟนบอลแคว้นกาตาลุนญ่า และทั่วโลกที่เชียร์บาร์เซโลน่า แต่ชีวิตคนเราเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอนจริงๆ ในช่วงเวลาที่เขากำลังติดปีกอยู่บนความสำเร็จมากมาย เขากลับต้องเจอช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของอบิดัล เช่นกัน....

... 15 มีนาคม 2554 สโมสรบาร์เซโลน่า แถลงการณ์ว่า เอริค อบิดัล โชคร้ายเนื่องจากเขาถูกตรวจพบเนื้องอกที่ตับ ต้องเข้ารับการผ่าตัดด่วน ก่อนจะมาทราบภายหลังว่า อบิดัลเป็นโรคมะเร็งที่ตับ เรียกว่า ช็อคแฟนบอลไปตามๆกัน ในขณะนั้น อบิดัล ถือว่าเป็นฟั่นเฟืองสำคัญในแนวรับ เขาสามารถเล่นได้ทั้งแบ็กและเซนเตอร์ฮาล์ฟ ทีมกำลังอยู่ช่วงท้ายของฤดูกาลที่กำลังคั่วแชมป์หลายรายการ และนี่คือจุดเปลี่ยนชีวิตครั้งใหญ่ของเขา เขาต้องเปลี่ยนการใช้ชีวิตจากสนามบอลมาเป็นการรักษาตัวหลังผ่าตัดที่โรงพยาบาล ที่นี้ทำให้เขาค้นพบอะไรหลายๆอย่าง เขาเห็นเด็กที่ต้องมาเจ็บป่วย เห็นคนจน เห็นคนที่ไม่มีเงินจะมารักษาตัว และต้องพบตัวเองในสภาพของผู้ป่วย ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำให้เขาเกิดสัจธรรมในชีวิต เขาเคยเปิดใจว่า ต่อให้มีเงินมากมาย มีรถหรู ทุกอย่างก็ไร้ความหมาย หากต้องมาล้มป่วย

...เขามองว่าสิ่งต่างๆที่เข้ามาในชีวิตของเขา ไม่ว่าจะเป็นชื่อเสียง หรือเงินทอง ก็ไร้ค่าหากเขาต้องมาเจอโรคร้ายอย่างนี้ เขาคิดว่าคนเราควรบริจาค หรือนำเงินไปมอบให้โรงพยาบาล มูลนิธิต่างๆ เพื่อนำไปช่วยเหลือคนที่ด้อยโอกาส สิ่งที่เป็นกำลังใจสำหรับเขาในระหว่างการรักษาตัวคือเด็กๆในโรงพยาบาล และวงการฟุตอบลที่ยังให้กำลังใจเขา ทำให้สภาพจิตใจเขาเข้มแข็ง ก่อนทำเซอร์ไพรส์ด้วยการกลับมาคัมแบ็กลงสนามช่วงท้ายเกม ในเกมยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ที่พบกับ เรอัล มาดริด เมื่อฤดูกาลที่แล้ว จนสามารถช่วยทีมคว้าแชมป์ได้สำเร็จ ชีวิตที่เคยมืดมิดของอบิดัล กลับมามีความหวังอีกครั้ง จากนั้นเขากลายเป็นคนที่อุทิศตัวเพื่อการกุศลและการช่วยเหลือ ในขณะเดียวกัน เขาก็ยังต้องรักษาตัว เนื่องจากเขาเป็นโรคมะเร็งที่ตับ ต้องมีการรักษาอย่างต่อเนื่อง ตลอดเวลา อบิดัลต้องต่อสู้กับทั้งในสนาม และนอกสนามคือร่างกายของตัวเอง ถือเป็นเรื่องที่หนักมากสำหรับผู้ป่วยที่ต้องทำงานหนักในเกมลูกหนัง แต่ใจรักในฟุตบอล ใจรักในทีมบาร์เซโลน่า เขาจึงพยายามยืนหยัดและต่อสู้กับโรคร้าย เพราะเขาเคยพูดว่า หากบาร์เซโลน่าไม่ต่อสัญญากับเขา เขาคงต้องเลิกเล่นฟุตบอล เพราะความใฝ่ฝันของเขาคือการได้เล่นฟุตบอลและแขวนสตั๊ดที่คัมป์ นู 

.... หลังจากนั้นหนึ่งปี โรคร้ายกลับมาเล่นงานเขาอีกครั้ง จนต้องผ่าตัดปลูกถ่ายตับ โดยมี เซซาร์ พี่ลูกน้องของเขา บริจาคอวัยยะให้  การผ่าตัดปลูกถ่ายตับกินเวลานานร่วม 9 ชั่วโมง ถึงจะลุล่วงและปลอดภัย แต่ครั้งนี้หนักกว่าครั้งแรกที่ผ่าตัดเนื้องกบริเวณตับ ต้องใช้เวลาพักฟื้นไม่มีกำหนด จนหมอต้องแนะนำให้ อบิดัลเลิกเล่นฟุตบอล เพราะหวั่นว่าจะถูกปะทะบริเวณแผลผ่าตัด ซึ่งสำคัญมากกับชีวิตเขา เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากอีกครั้งของ อบิดัล และบาร์เซโลน่า รวมถึงทีมชาติฝรั่งเศสอาจไม่สามารถใช้งาน อบิดัล ในศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปหรือ ยูโร 2012 กลางปีนี้ 

...หลังการผ่าตัด อบิดัล ยังเป็นนักกีฬาที่มีน้ำใจงดงาม เขาส่งสารและกำลังใจไปยัง ฟาบริซ มูอัมบ้า ที่โชคร้ายช็อคคาสนามต้องส่งโรงพยาบาลเพื่อยื้อชีวิตเป็นการด่วน เขายังมีน้ำใจต่อเพื่อนร่วมโลกอีกมากมาย เขามอบนาฬิกาโรเล็กช์ ที่สั่งทำเฉพาะให้แก่นักเตะบาร์เซโลน่า ราคาเฉียดล้าน แก่เจ้าหนูวัย 9 ปีที่ป่วยเป็นมะเร็งเช่นเดียวกันกับเขา  ระหว่างที่เขาเดินทางเยี่ยมโรงพยาบาลท้องถิ่น และเยี่ยมให้กำลังใจเด็กคนอื่นๆต่อไป
,ทางบาร์เซโลน่าเปิดห้องแต่งตัวต้อนรับ อัลฟอนโซ่ การ์เซีย แฟนบอลหนุ่มที่ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย เรื่องราวของเขาถูกตีแพร่ทั่วสเปนหลังจากเขาบอกกับแม่ว่า หากเขาตาย ให้นำถ้ำกระดูกโปรยรอบๆสนามคัมป์นู หลังจากต่อสู้มะเร็งกว่า 12 ปี เขาได้พบกับนักเตะทั้ง เมสซี่ อิเนสต้า รวมถึงคนอื่นๆ และอบิดัลก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ให้กำลังใจหนุ่มน้อยอย่างเข้าอกเข้าใจ เนื่องจากต้องต่อสู้กับโรคเดียวกัน และบอกอัลฟอนโซ่ว่า พระเจ้าจะช่วยให้เราทั้งคู่หายดี ทำเอาเด็กน้อยคนนั้นมีความสุขและบอกว่า หากตายก็คงตายตาหลับ...

เอริค อบิดัล อาจจะไม่ใช่นักกีฬาที่เก่ง จนถูกนำมาพูดถึงไม่รู้จบ เหมือนตำนานคนอื่นๆ แต่เรื่องราวการต่อสู้ทั้งในและนอกสนาม เป็นกำลังใจที่ดีที่มีต่อเพื่อนร่วมโลกที่ต้องเจอโรคร้าย ก็คงไม่มีใครในโลกลืมได้ เขาคือตัวอย่างของนักกีฬาที่มีหัวใจไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา  แม้ไม่รู้ว่าโรคร้ายนี้จะเล่นงานเขาอีกเมื่อไหร แต่ผมเชื่อใจว่าเขาจะผ่านมันไป เพราะหัวใจของอบิดัลไม่เคยยอมแพ้ .... Animo Abidal .
9Torday

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น